นโยบายความเป็นส่วนตัว

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)

บริษัท พีพีวาย อินเตอร์กรุ๊ป (1999) จำกัด ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท” ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy) ขึ้น โดยนโยบายนี้ได้อธิบายถึงวิธีการที่บริษัทปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ การเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น เพื่อให้เจ้าของข้อมูลได้รับทราบถึงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท บริษัทจึงประกาศนโยบายฯ ดังต่อไปนี้

1. คำนิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด 
ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยมี วัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยในการเก็บรวบรวมนั้นจะทำเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามแบบวิธีการของบริษัท กรณีที่บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งก่อนทำการเก็บรวบรวม
เว้นแต่การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจะเข้าข้อยกเว้นตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นกำหนดไว้

บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ผ่านหลายช่องทาง เช่น
2.1 เมื่อท่านติดต่อสอบถามข้อมูลหรือซื้อสินค้าและบริการของบริษัท หรือมาติดต่องานที่บริษัท
บริษัทขอข้อมูลเกี่ยวกับท่าน เช่น ชื่อ-นามสกุล อีเมล เบอร์โทรศัพท์ ไอดีไลน์ ที่อยู่ บริษัท และตำแหน่งงาน เป็นต้น
2.2 
คุกกี้
“คุกกี้” คือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่จะถูกส่งไปเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของผู้ใช้บริการเพื่อเก็บข้อมูลในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อการปรับปรุงเว็บไซต์และการบริการ ให้สะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

บริษัทฯ จะใช้คุกกี้จัดเก็บข้อมูล เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานแพลตฟอร์มและการเข้าถึงบริการของบริษัทฯ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยจะใช้เพื่อกรณีดังต่อไปนี้
ก. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าสู่ระบบบัญชีของท่านในแพลตฟอร์มของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย
ข. เพื่อจัดเก็บข้อมูลการใช้งานแพลตฟอร์มของท่าน รวมถึงรูปแบบแพลตฟอร์มที่ท่านตั้งค่าไว้
ค. เพื่อจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบการใช้งานและความสนใจของท่าน เพื่อที่บริษัทฯ จะได้พัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตรงกับความสนใจของท่านมากที่สุด

 

ประเภทคุกกี้ที่บริษัทฯ ใช้
คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้สำหรับเก็บสถิติ
คุกกี้เชิงสถิติช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์เข้าใจว่าผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์อย่างไร โดยการรวบรวมและรายงานข้อมูลโดยไม่ระบุตัวตน
คุกกี้สำหรับการตลาด
คุกกี้การตลาดใช้เพื่อติดตามผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ จุดประสงค์คือการแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องและมีส่วนร่วมสำหรับผู้ใช้แต่ละรายและด้วยเหตุนี้จึงมีคุณค่ามากขึ้นสำหรับผู้เผยแพร่โฆษณาและผู้โฆษณาบุคคลที่สาม

3. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะทำการเก็บรวบรวม หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของบริษัท เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การทำสัญญา การทำธุรกรรมทางการเงิน การดำเนินกิจกรรมบริษัท การติดต่อประสานงานต่าง ๆ หรือเพื่อปรับปรุงคุณภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การจัดทำฐานข้อมูล วิเคราะห์และพัฒนากระบวนการดำเนินงานของบริษัท และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย และ/หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานของบริษัท โดยบริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลดังกล่าวตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลหรือตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น

บริษัทจะไม่กระทำการใด ๆ แตกต่างจากที่ระบุในวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูล เว้นแต่
(1) ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้แก่เจ้าของข้อมูลทราบ และได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
(2) เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

4.การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปให้บุคคลใดโดยปราศจากความยินยอม และจะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้ อย่างไรก็ดี เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทและการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูล บริษัทอาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ให้แก่บริษัทในเครือ หรือบุคคลอื่นทั้งในและต่างประเทศ เช่น ผู้ให้บริการต่าง ๆ ที่ต้องดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล โดยในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับ และไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทได้กำหนดไว้
นอกจากนี้ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย เช่น การร้องขอข้อมูลเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือการร้องขอจากหน่วยงานเอกชน หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย

5. แนวทางในการดำเนินการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะกำหนดมาตรการต่าง ๆ รวมถึงมาตรการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่พนักงานของบริษัทและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสนับสนุนและส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้และตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล โดยพนักงานของบริษัทต้องปฏิบัติตามนโยบายฯ และแนวปฏิบัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่บริษัทกำหนดไว้ เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามนโยบายและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

6. ระยะเวลาในการจัดเก็ขข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์ หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไป ภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น จัดเก็บไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จัดเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูยจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี ทั้งนี้  บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(7.1) สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้ ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้ว
(7.2) สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและขอทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ได้ให้ความยินยอม
(7.3) สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง
(7.4) สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล
(7.5) สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
(7.6) สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล
(7.7) สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลสามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นได้ โดยยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่อบริษัทเป็นลายลักษณ์อักษรผ่าน “ช่องทางการติดต่อของบริษัท” ด้านล่าง โดยบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องฯ ของเจ้าของข้อมูล ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธสิทธิของเจ้าของข้อมูลได้ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดไว้

8. การทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจทำการปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงประกาศ บริษัทจะประกาษผ่านเว็บไซต์ของบริษัท หรือช่องทางการสื่อสารอื่นของบริษัท และจะระบุวันที่แก้ไขเพิ่มเติมครั้งล่าสุด โดยถือว่าท่านยอมรับนโยบายที่เปลี่ยนแปลงนั้นแล้ว

การติดต่อสอบถาม
หากท่านมีข้อสงสัย เกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประสงค์จะใช้สิทธิที่ระบุไว้ข้างต้น สามารถติดต่อได้ที่

บริษัท พีพีวาย อินเตอร์กรุ๊ป (1999) จำกัด
ถึง : เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล / Data Protection Officer
อีเมล : ppy.mk@airpumpcenter.com
117 ถ.อนามัยงามเจริญ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150


นายชาญชัย ธนสินรุ่งเรือง
ประธานบริษัท

นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2022 เป็นต้นไป

Visitors: 232,575